ยาต้านไวรัสกลุ่มที่ 2 : NNRTIs
ยาต้านไวรัสกลุ่มเอ็นเอ็นอาร์ทีไอ (NNRTIs: Non-nucleoside reverse-transcriptase inhibitors) เป็นกลุ่มยารับประทานหนึ่งหมวดที่ถูกนำมารักษาโรคเอดส์หรือเอชไอวี มีการพัฒนายา กลุ่มนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 (พ.ศ.2523) และถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ.2552) เป็นจำนวน 4 รายการ และมักใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ตัวอื่น ด้วยเชื้อไวรัสสามารถพัฒนาตัวเองให้ทนต่อยาที่นำมาใช้รักษาได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นที่ทราบกันดีว่าไวรัสเอชไอวีแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ เอชไอวี 1 และ เอชไอวี 2 ชนิดที่แพร่ระบาดมากที่สุดคือเอชไอวี 1 ในขณะที่ชนิดเอชไอวี 2 จะแพร่ระบาดในแถบแอฟริกาตะวันตก จากการเก็บสถิติตัวเลขจำนวนผู้ป่วยพบว่า ในปี ค.ศ. 2009 (พ.ศ. 2552) มีผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ทั่วโลกถึงประมาณ 40 ล้านคน
ยาต้านไวรัสกลุ่มเอ็นเอ็นอาร์ทีไอที่นำมาบำบัดอาการป่วย ไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ เพียงแต่ทำให้อาการป่วยทุเลา และยืดระยะเวลาการมีชีวิตได้ยาวนานขึ้น ส่วนใหญ่ยาต้านไวรัสเอดส์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมามีวัตถุประสงค์ของการบำบัดอาการป่วยจากไวรัสกลุ่มเอชไอวี 1 ซึ่งรวมถึงยากลุ่มเอ็นเอ็นอาร์ทีไอนี้ และกลุ่มเอ็นอาร์ทีไอ (NRTIs: Nucleoside reverse transcriptase) ด้วย
สำหรับยาต้านไวรัสกลุ่มเอ็นเอ็นอาร์ทีไอประกอบด้วยตัวยาต่างๆ ดังนี้ เช่น Efavirenz, Nevirapine, Delavirdine, Etravirine, Rilpivirine
ยาต้านไวรัสเอดส์ส่วนใหญ่ที่รวมถึงยาเอ็นเอ็นอาร์ทีไอขึ้นทะเบียนในหมวดยาควบคุมพิเศษ ผู้ป่วยไม่สามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยาทั่วไป การรับยาต้องผ่านทางสถานพยาบาลที่ลงชื่อรักษาไว้ และต้องมีใบสั่งจากแพทย์ประกอบในการรับยากลับบ้าน
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีสรรพคุณดังนี้- บรรเทาอาการป่วยด้วยโรคเอดส์
- ใช้ป้องกันการติดเชื้อเอดส์/เอชไอวีหลังการสัมผัสเลือดของผู้ป่วย
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีกลไกการออกฤทธ์ โดยตัวยาจะเข้าไปทำให้กระบวนการจำลองของสารพันธุกรรมชนิดอาร์เอ็นเอ (RNA) ในตัวไวรัสสูญเสียความสามารถในการเปลี่ยนไปเป็นสารพันธุกรรมชนิดดีเอ็นเอ (DNA) ด้วยกลไกนี้จึงทำให้การแพร่พันธุ์ของไวรัสเอดส์ชะลอตัวลง และทำให้อาการของผู้ป่วยบรรเทาและดีขึ้นยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีรูปแบบการจัดจำหน่ายดังนี้- ยาน้ำขนาด 10 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
- ยาเม็ดขนาด 25, 50, 100, 200 และ 600 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาเม็ดชนิดผสมตัวยาต้านไวรัสมากกว่า 1 ชนิดขึ้นไป
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีหลายชนิด ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเฉพาะชนิดยาที่ใช้บ่อยซึ่งมีขนาดรับประทานดังนี้1. Efavirenz
ก. ผู้ใหญ่และเด็กที่มีน้ำหนักตัว 40 กิโลกรัมขึ้นไป: รับประทานวันละ 600 มิลลิกรัมวันละครั้งข. เด็กอายุ 3 - 17 ปี:
- น้ำหนักตัว 32.5 - 40 กิโลกรัม: รับประทาน 400 มิลลิกรัมวันละครั้ง
- น้ำหนักตัว 25 - 32.5 กิโลกรัม: รับประทาน 350 มิลลิกรัมวันละครั้ง
- น้ำหนักตัว 20 - 25 กิโลกรัม: รับประทาน 300 มิลลิกรัมวันละครั้ง
- น้ำหนักตัว 15 - 20 กิโลกรัม: รับประทาน 250 มิลลิกรัมวันละครั้ง
- น้ำหนักตัว 13 - 15 กิโลกรัม: รับประทาน 200 มิลลิกรัมวันละครั้ง
*หมายเหตุ:
- ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ที่เพียงพอในการใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี การใช้ยา จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
- สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้ และมักใช้ยานี้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ตัวอื่น
2. Nevirapine
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 200 มิลลิกรัมวันละครั้งเป็นเวลา 14 วัน แล้วปรับเป็น 200 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งเช้า - เย็น- เด็กอายุ 8 ปีขึ้นไป: รับประทาน 4 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมวันละครั้งเป็นเวลา 14 วัน แล้วปรับเป็น 4 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมวันละ 2 ครั้งเช้า - เย็น
- เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี ขนาดยาขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
*หมายเหตุ: สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้ และมักใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ ตัวอื่น
3. Etravirine
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 200 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น สามารถรับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารก็ได้ มักใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ตัวอื่น- เด็ก: ขนาดยาขึ้นกับอายุและน้ำหนักตัวของเด็กรวมทั้งดุลพินิจของแพทย์ ควรรับประทานยานี้หลังอาหาร
4. Rilpivirine
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 25 มิลลิกรัมวันละครั้ง- เด็ก: การใช้ยานี้ในเด็กยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย
*หมายเหตุ:
- ควรรับประทานยานี้พร้อมอาหารเพื่อช่วยการดูดซึมยาที่ดีขึ้น
- ยานี้ใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ตัวอื่น
5. Delavirdine
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 400 มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้ง- เด็ก: การใช้ยานี้ในเด็กยังอยู่ในการศึกษาวิจัย
*หมายเหตุ:
- สามารถรับประทานยาพร้อมอาหารหรือหลังอาหารก็ได้
- ยานี้ใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอดส์ตัวอื่น
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรดังนี้- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไออาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า- อนึ่ง ในผู้ป่วยแต่ละราย แพทย์อาจแนะนำวิธีรับประทานเมื่อลืมรับประทานยาต่างกันได้ขึ้นกับอาการของโรค ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าไว้ก่อนว่า ควรทำอย่างไรเมื่อลืมรับประทานยา
- อย่างไรก็ตาม การลืมรับประทานยานี้บ่อยๆหลายครั้ง ย่อมส่งผลเสียต่อผู้ป่วยโดยตรงและอาจทำให้อาการโรคลุกลามมากยิ่งขึ้น
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอสามารถทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้ เช่น มีอาการผื่นคัน เป็นพิษกับตับ/ตับอักเสบ (ซึ่งหากพบอาการตับทำงานผิดปกติต้องหยุดใช้ยา) มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ค่าไขมันไตรกลีเซอไรด์และคลอเรสเตอรอลในเลือดสูง ปวดท้อง ปวดศีรษะ ไตวาย โลหิตจาง เบื่ออาหาร ซึมเศร้า หงุดหงิด นอนไม่หลับ วิงเวียน และอ่อนเพลียมีข้อควรระวังการใช้ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไออย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอดังนี้- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยาในกลุ่มยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอ
- ห้ามใช้ Efavirenz ร่วมกับยาต่อไปนี้ คือ Terfenadine (ยาแก้แพ้), Astemizole (ยาแก้แพ้), Cisapride (ยาโรคกระเพาะอาหาร), Midazolam (ยาให้นำเพื่อให้ง่วงนอนก่อนการให้ยาสลบ), Triazolam (ยานอนหลับ), Pimozide (ยารักษาโรคทางจิตเวช), Bepridil (ยาโรคหัวใจ), และ Voriconazole (ยาต้านเชื้อรา)
- พบแพทย์เพื่อตรวจสภาพร่างกายหลังการใช้ยานี้ตามกำหนดนัดหมายอย่างเคร่งครัด
- ปกติหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตรจะถูกห้ามการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา เพื่อป้องกันการส่งผ่านเชื้อไวรัสเอดส์จากน้ำนมมารดา แนะนำให้เลี้ยงบุตรด้วยผลิตภัณฑ์นมที่มีจำหน่ายตามเกณฑ์มาตรฐานของอายุทารก ดังนั้นการใช้ยานี้ในหญิงให้นมบุตรจะขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วยโรคไต โรคตับ หญิงตั้งครรภ์ และเด็ก
- หลังรับประทานยานี้แล้ว มีอาการคล้ายกับการแพ้ยาเกิดขึ้น ให้หยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อแพทย์ปรับเปลี่ยนการรักษาที่เหมาะสม
- ควรรับประทานยานี้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่เปลี่ยนแปลงขนาดรับประทานหรือหยุดการใช้ยาเองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
การใช้ Nevirapine ร่วมกับยาแก้ปวดเช่น Methadone อาจทำให้ฤทธิ์ของการรักษาจาก Methadone ด้อยลงไปหากมีไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน- การใช้ยา Etravirine ร่วมกับยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะเช่น Amiodarone สามารถลดความเข้มข้นของยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจกระทบต่อประสิทธิภาพของการรักษา ควรปรับการรับประทานของผู้ป่วยให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- การใช้ยา Etravirine ร่วมกับยารักษาโรคลมชักเช่น Carbamazepine, Phenobarbital, และ Phenytoin สามารถลดความเข้มข้นของ Etravirine ในกระแสเลือด หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
- การใช้ยา Efavirenz ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อตับและสมอง จึงห้ามการรับประทานร่วมกันโดยเด็ดขาด
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยา Delavirdine พร้อมยาลดกรด ควรรับประทานห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
ควรเก็บรักษายาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไออย่างไร?
สามารถเก็บยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอที่อุณหภูมิห้อง เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อน และความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาต้านไวรัสเอ็นเอ็นอาร์ทีไอที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิตEstiva-600 (เอสทิวา-600) Hetero
Stocrin (สะโตคริน) MSD
Neravir (เนราเวียร์) GPO
Nevirapine Mylan (เนวิราพีน มายแลน) Mylan
Intelence (อินเทเลนซ์) Janssen-Cilag
Edurant (เอดูแรนท์) Janssen-Cilag
Viramune (วีรามูน) Boehringer Ingelheim
GPO-Vir Z250 (จีพีโอ-เวียร์ ซีท250) GPO
GPO-Vir S30 (จีพีโอ-เวียร์ เอส30) GPO
Atripla (อะทริพลา) Gilead